บทที่ 3
การวัดการกระจาย (Measure of
Dispersion)
การใช้สถิติเกี่ยวกับการวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลาง ซึ่งเป็นค่าที่ทำ
หน้าที่เป็นตัวแทนกลุ่มข้อมูล เพียงอย่างเดียว
เมื่อแปลความหมายข้อมูลจึงยังไม่สมบูรณ์ ไม่ชัดเจน และ มีโอกาสคลาดเคลื่อนได้
สิ่งที่ ควรน3มาพิจารณาควบคู่ไปกับการวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลางก็คือ
ลักษณะการกระจายของกลุ่มข้อมูล ซึ่งสถิติที่ใช้คือ การวัดการกระจาย
การที่ข้อมูลแต่ละชุดมีค่าต่าง ๆ กันนั้นเราเรียกว่า ข้อมูลมีการกระจาย
ถ้าข้อมูลชุดนั้นประกอบ ด้วยค่าแตกต่างกันมาก เรียกว่า ข้อมูลมีการกระจายมาก
ถ้าข้อมูลชุดนั้นประกอบด้วยค่าต่าง ๆ แตกต่าง กันน้อย
หรือมีค่าใกล้เคียงกันเรียกว่า ข้อมูลมีการกระจายน้อย
ถ้าข้อมูลนั้นประกอบด้วยค่าต่าง ๆ เท่ากัน หมด เรียกว่า ข้อมูลไม่มีการกระจาย
ข้อมูลชุดที่ 1 : 9 , 12 , 37 , 73 , 105
ข้อมูลชุดที่ 2 : 52 , 60 , 63 , 61 , 65
ข้อมูลชุดที่ 3 : 35 , 35 , 35 , 35 , 35
ข้อมูลชุดที่ 1 : 9 , 12 , 37 , 73 , 105
ข้อมูลชุดที่ 2 : 52 , 60 , 63 , 61 , 65
ข้อมูลชุดที่ 3 : 35 , 35 , 35 , 35 , 35
จากข้อมูลทั้ง 3 ชุด เมื่อเปรียบเทียบแล้วพบว่า
ข้อมูลชุดที่ 1 มีการกระจายมากที่สุด ข้อมูลชุดที่ 2 มีการกระจายรองลงมา ส่วนข้อมูลชุดที่ 3 ไม่มีการกระจาย
ในการเปรียบเทียบข้อมูลหลาย ๆ ชุดว่าแตกต่างกันหรือไม่
ควรจะต้องพิจารณาถึงค่าเฉลี่ย และ การกระจายของข้อมูลควบคู่กันไปด้วย
เพื่อจะช่วยให้สรุปหรือแปลความหมายได้อย่างถูกต้อง เช่น เด็ก
นักเรียนกลุ่มหนึ่งวัดคะแนนสอบวิชาภาษาไทยได้ 75 , 87 , 115 , 118 , 130 เด็กนักเรียนกลุ่มสองวัด คะแนนสอบวิชาภาษาไทยได้ 100 ,100 , 105
,110 , 110 ค่าเฉลี่ยของคะแนน 2 ชุดนี้เท่ากัน
คือ 105 ถ้าพิจารณาเฉพาะค่าเฉลี่ยจะสรุปได้ว่านักเรียน 2
กลุ่มนี้ มีคะแนนสอบวิชาภาษาไทยอยู่ในระดับเดียวกัน
แต่เมื่อพิจารณาจากคะแนนแต่ละชุดจะพบว่าคะแนนสอบวิชาภาษาไทยของนักเรียนกลุ่มหนึ่งแตกต่าง
กันมากกว่า คะแนนสอบวิชาภาษาไทยของนักเรียนในกลุ่มที่สอง นั่นคือ
ตามข้อสรุปแล้วคะแนนสอบ วิชาภาษาไทยของนักเรียน 2 กลุ่มนี้แตกต่างกัน
ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าถ้าต้องการบรรยายลักษณะของข้อมูล
ให้ถูกต้องสมบูรณ์จะต้องวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลางควบคู่ไปกับการวัดการกระจายด้วยเสมอ
การวัดการกระจาย แบ่งได้ 2
1.การวัดการกระจายสัมบูรณ์ (Absolute Variation) เป็นการวัดการกระจายข้อมูลเพียงชุดเดียว มีดังนี้
1. พิสัย (Range : R)
2. ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation : S.D.,S,s)
การวัดการกระจาย แบ่งได้ 2
1.การวัดการกระจายสัมบูรณ์ (Absolute Variation) เป็นการวัดการกระจายข้อมูลเพียงชุดเดียว มีดังนี้
1. พิสัย (Range : R)
2. ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation : S.D.,S,s)
พิสัย (Range : R)
พิสัย หมายถึง การหาการกระจายของข้อมูลโดยนำข้อมูลที่มีค่าสูงที่สุด ลบกับข้อมูลที่มีค่าต่ำที่สุด เพื่อให้ได้ค่าที่เป็นช่วงของการกระจาย ซึ่งสามารถบอกถึงความกว้างของข้อมูลชุดนั้นๆ สำหรับสูตรที่ใช้ในการหาพิสัยคือ
พิสัย (R) = Xmax - Xmin
Ex1. จงหาพิสัยจากข้อมูลชุดนี้ 25,19,32,29,19,21,22,31,19,20,15,22,23,20
วิธีทำ
สูตร พิสัย (R) = Xmax - Xmin = 32 - 15
= 17
ข้อมูลชุดนี้มีพิสัย(R) เท่ากับ 17
ดังนั้นความแตกต่างของข้อมูลสูงสุดกับข้อมูลต่ำสุดมีค่าเท่ากับ 17
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation : S.D.,S,s)
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเป็นค่าวัดการกระจายที่สำคัญทางสถิติ เพราะเป็นค่าที่ใช้บอกถึงการกระจายของข้อมูลได้ดีกว่าค่าพิสัย และค่าส่วนเบี่ยงเบนเฉลี่ย
การหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานสามารถหาได้ 2 วิธี
1.การหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน(S.D.) ในกรณีข้อมูลไม่ได้มีการแจกแจงความถี่
สามารถหาได้จากสูตร
เมื่อ S.D. คือ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
Ex2.จากข้อมูลต่อไปนี้จงหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1, 2, 4, 6, 8, 9
วิธีทำ
2.การหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน(S.D.) ในกรณีข้อมูลมีการแจกแจงความถี่
คะแนน
|
ความถี่
|
5-9
|
3
|
10-14
|
6
|
15-19
|
7
|
20-24
|
8
|
25-29
|
10
|
30-34
|
12
|
35-39
|
14
|
วิธีทำ ใช้สูตรที่ 2
สร้างตารางแจกแจงความถี่
1. หาค่าเฉลี่ยเลขคณิต จากสูตร
2.หาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน จากสูตร
* หมายเหตุ* ความแปรปรวน หาได้จาก (S.D)2
2.การวัดการกระจายสัมพัทธ์ (relative Variation)
คือ การหาค่าเพื่อเปรียบเทียบการกระจายระหว่างข้อมูลมากกว่าหนึ่งชุด โดยใช้อัตราส่วน การเปรียบเทียบการกระจายของข้อมูลระหว่างชุดที่นิยมใช้มี 2 ชนิดคือ
1. สัมประสิทธิ์ของพิสัย(coefficient of range)
2.สัมประสิทธิ์ของการแปรผัน(coefficient of variation)
1. สัมประสิทธิ์ของพิสัย(coefficient
of range) คือ อัตราส่วนระหว่างผลต่างของค่าสูงสุดและค่าต่ำสุด
กับผลบวกของค่าสูงสุดและต่ำสุดของข้อมูลชุดนั้น
หาได้จากสูตร
Ex4. จงหาสัมประสิทธิ์พิสัยจากข้อมูลชุดนี้ 25,19,32,29,19,21,22,31,19,20,15,22,23,20
วิธีทำ
ดังนั้นสัมประสิทธิ์พิสัยของข้อมูลชุดนี้ = 36.17%
หาได้จากสูตร
Ex4. จงหาสัมประสิทธิ์พิสัยจากข้อมูลชุดนี้ 25,19,32,29,19,21,22,31,19,20,15,22,23,20
วิธีทำ
ดังนั้นสัมประสิทธิ์พิสัยของข้อมูลชุดนี้ = 36.17%
2. สัมประสิทธิ์ของการแปรผัน(coefficient
of variation) ตัวย่อ(C.V.) อัตราส่วนระหว่างส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานกับค่าเฉลี่ยเลขคณิตของข้อมูลชุดนั้น
ดังนั้นสัมประสิทธิ์พิสัยของข้อมูลชุดนี้ = 35.84 %
ดังนั้นสัมประสิทธิ์พิสัยของข้อมูลชุดนี้ = 35.84 %
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น